28 มกราคม 2557
วิชาการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษEAED2209
เวลา 11.30 - 14.00 น.
หมายเหตุ
อาจารย์ได้ให้นักศึกษาสอบกลางภาค และดิฉันได้หาเนื้อหาเพิ่มเติม
ความรู้เพิ่มเติม
เด็กพิเศษในปัจจุบันนั้นจะมีหลากหลายรูปแบบมาก อย่างเช่น เด็กพิเศษออทิสติก แอสเพอร์เกอร์ แอลดี สมาธิสั้น สมองพิการ และความบกพร่องทางสติปัญญา
วิวัฒนาการแพทย์ปัจจุบันนั้นจะสามารถตรวจหาความผิดปกติในเด็กได้ตั้งแต่ในครรภ์โดยใช้วิธีการตรวจโครโมโซม แต่ความผิดปกติในเด็กบางอย่างนั้น จะต้องเกิดก่อนถึงจะทราบว่าผิดปกติ ซึ่งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่ควรที่จะกังวลเกินหรือวิตกจนเกินเห็นเพราะจะมีผลกระต่อต่อเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งวันนี้อยากจะนำข้อมูลอ้างอิงทางการแพทย์มาบอกเล่าให้ทราบกันถึงลักษณะของเด็กพิเศษค่ะ
เด็กพิเศษในปัจจุบันนั้นจะมีหลากหลายรูปแบบมาก อย่างเช่น เด็กพิเศษออทิสติก แอสเพอร์เกอร์ แอลดีสมาธิสั้น สมองพิการ และความบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น ซึ่งกลุ่มที่คุณพ่อคุณแม่จะสามารถรู้ได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดนั้นจะเป็นกลุ่มเด็กที่มีปัญหาความผิดปกติของโครโมโซม เช่นเป็นดาวน์ซินโดรม จะมีลักษณะผิดปกติทางร่ายกาย ร่วมกับมีความบกพร่องทางสติปัญญา จะสามารถตรวจหาความผิดปกติได้ในช่วงเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งความผิดปกติของโครโมโซมนี้จะเกิดกับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป วิธีการตรวจสามารถทำได้ด้วยการตรวจอัลตร้าซาวน์
ในกลุ่มที่เกิดมาแล้วค่อยรับรู้ถึงความปกติ จะเป็นกลุ่มเด็กที่มีปัญหาสมองพิการ มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหว พัฒนาการเนื้อช้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตได้ไม่ยาก เหมือนในกลุ่มเด็กออทิสติก และเด็กสมาธิสั้น กลุ่มเด็กออทิสติกนั้น จะเริ่มเห็นความแตกต่างได้เมื่อเด็กมีอายุขวบปี ซึ่งจะเล่นกับคนอื่นไม่เป็น ไม่มีจินตนาการร่วมในการเล่นบทบาทสมมุติ แถมยังพูดไม่เป็นคำ แต่จะมีภาษาเฉพาะตัวที่เรียกว่า ภาษาต่างดาว ในเด็กที่สมาธิสั้นนั้น สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้คือ เด็กจะไม่อยู่นิ่ง สนใจอะไรได้ไม่นาน ไม่สามารถทำงานเสร็จทันเพื่อน มีผลการเรียนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และจะเป็นคนชอบเล่นรุนแรง
ในส่วนของปัญหาที่ไม่สามารถรู้ก่อนเกิดได้นั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรที่จะเครียดหรือวิตกจริตมากเกินไป ซึ่งหากเครียดมากก็จะยิ่งเสี่ยงให้เด็กเกิดความผิดปกติ ฉะนั้นแล้วคุณแม่ควรดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้ดี ควรที่จะวางแผนก่อนมีลูก เมื่อตั้งครรภ์แล้วควรฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด และควรไปตรวจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความผิดปกติต่าง ๆ คุณแม่ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน การนอนก็เป็นสิ่งสำคัญควรพักผ่อนให้เต็มอิ่ม และไม่ควรทำงานหนักเกินไปเพราะจะเสี่ยงเกิดภาวะแท้งได้ หากคุณแม่มีร่างกายสุขภาพใจที่พร้อมแล้วล่ะก็ เด็กที่เกิดมาก็จะแข็งแรงมีร่างกายครบ 32 และไม่เสี่ยงต่อการเป็นเด็กพิเศษค่ะ